เกาะลัมมาเป็นทีตั้งของโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าให้กับคนทั้งฮ่องกง แต่ที่นี่ใช้กลับกระแสไฟฟ้าจากกังหันลมซะงั้น ที่นี่มีหมู่บ้านชาวประมง แถมยังเป็นเกาะที่มีแต่สิ่งที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ไม่มีตึกสูงๆ ใช้จักรยานเป็นพาหนะหลัก และเดินสำรวจธรรมชาติได้ทั่วทั้งเกาะ ใครที่ชอบศิลปะและของกระจุกกระจิกจะชอบที่นี่แน่นอน
จากท่าเรือ Central Pier ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จะสามารถเดินทางไปเกาะลัมมาได้สองทาง
– ท่าเรือ Yung Shue Wan : เหมาะสำหรับเดินเล่น จะเจอชุมชน และร้านน่ารักๆ ซ่อนอยู่ตั้งเยอะ
– ท่าเรือ Sok Kwu Wan : เหมาะสำหรับคนที่อยากไปกินอาหารทะเลโดยเฉพาะ
ควรไปให้ตรงกับเสาร์ – อาทิตย์ เพราะวันธรรมดาร้านมักจะปิด
และอย่าลืมตรวจสอบตารางเดินเรือก่อนเดินทางนะ
เราสามารถเดินทั่วทั้งเกาะได้ในหนึ่งวัน เป็นทางเดิน Family Trail ที่มีแผนที่พร้อม ป้ายพร้อม ห้องน้ำสาธารณะก็พร้อม เหลือแต่เราที่จะพร้อมรึยัง ที่จะมาจากท่าเรือไหนก็ได้ แต่ขอแนะนำเส้นทางที่เริ่มจาก Yung Shue Wan พอไปถึงก็จะเจอแผนที่ เจอหมู่บ้าน ไม่ต้องกลัวหลงเพราะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ เดินตามเส้นทางหลักจะพบร้านให้เข้าไปดูเต็มไปหมด ฝั่งนี้ส่วนมากจะเป็นร้านแนวตะวันตก เน้นอาหารมังสวิรัติ และมีร้านขายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกหลายร้าน มีร้านหนังสือภาษาอังกฤษราคาเท่าไรก็ได้ ตามที่เราจะบริจาค มีร้านขายของที่รวบรวมของกระจุกกระจิกแมวเหมียวจากทั่วสารทิศ รวมไปถึงร้านขายของแนวไปเที่ยวเชียงใหม่ก็สามารถพบได้ที่นี่ จะสังเกตได้ว่าสถาปัตยกรรมที่นี่ต่างกับในตัวเมืองฮ่องกงอย่างเห็นได้ชัด
และยังมีคนจูงหมาเดินสวนทางกับเรามากมาย มีทั้งหมาพันธุ์ใหญ่และพันธุ์เล็ก และมีจุดสำหรับถ่ายของเสียของเจ้าหมา อยู่เป็นระยะ ทำเป็นกระเบื้องก่อเป็นสี่เหลี่ยม ทำคล้ายๆ เป็นกระบะทราย ซึ่งเจ้าแมวก็คงมาใช้บริการด้วยแน่ๆ นอกจากเดินสวนสนามกับเจ้าหมาแล้ว ก็เดินออกจากเส้นทางหลักบ้างก็ได้ เพราะอาจจะเจอร้านที่ซ่อนอยู่ เช่น ร้านแผ่นเสียงที่ต้องขึ้นบันไดอันเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญมากมายแบบนี้
แล้วก็กลับมาเดินตามเส้นทางหลัก ตอนนี้ก็คงเที่ยงพอดี เราไม่ได้แวะกินตามร้านคาเฟ่ แต่ไปร้านเก่าแก่แนวฮ่องกง มีร้านเต้าหู้ทอด กับ ร้านเต้าฮวย ที่แนะนำให้แวะกินก่อนเดินต่ออีกไกลๆ พอพูดถึงอาหารเนี่ยก็แนะนำให้ไปตอนที่อากาศหนาว เพราะจะได้เดินไปในอากาศเย็นใจ แล้วพักกินของร้อนๆ เพิ่มพลังให้ไปต่อ
(Sunchild from UNITE Little Fairies with Lamma Winds)
เดินต่อนะ แล้วมันจะมีทางแยก ทางแรกไป Lamma Winds ไปดูกังหันลมแบบใกล้ๆ คือเป็นสถานที่ที่กังหันลมปักอยู่ กับอีกทางนึงเป็นทางเดินไปชายหาด Hung Shing Yeh Beach ถ้าใครไม่กลัวเหนื่อย ก็เดินไปนั่งพักดูกังหันลมก่อน ปิกนิกที่กังหันลมก็น่าจะได้ ตรงนั้นมีที่นั่งพัก แล้วค่อยเดินไปชายหาด เราขอแต่งตั้งให้ชายหาดเป็นจุดกึ่งกลาง ที่ตรงนี้มีสวนสมุนไพร ชื่อ Herboland ถ้าได้แวะดื่มชาที่นี่ก่อนเดินต่อก็คงจะเป็นวันที่ดีจริงๆ แต่มันปิดในวันที่เราไปก็เลยอด เดินต่อก็ได้ เรากำลังเดินต่อไปยังอีกฝั่งแล้วนะ ฝั่งนี้จะเป็นการเดินสำรวจธรรมชาติ เดินเล่นกับครอบครัวได้สบายๆ เลย ไม่ได้เหนื่อยมาก จะไปเดินเล่นคนเดียวก็ยังได้ แต่อย่าลืมพกน้ำดื่มไปด้วย มีทั้งทางขึ้นสูง และบันได เพื่อไปพบวิวที่คุ้มค่า หรือไม่ก็ระหว่างทางที่อาจจะคุ้มค่ากว่า
พอออกมาจากเส้นทางเดินธรรมชาติ เราจะเจอหมู่บ้านเก่า ฝั่งนี้จะสนุกตรงที่เหมือนได้สำรวจดินแดนใหม่บนเกาะ เหมือนเรากำลังเป็นตัวละครหนึ่งในการ์ตูนนักสำรวจยังไงยังงั้น
ที่นี่เก่าแก่จริงๆ ขนาดมีป้ายสีแดงเตือนให้ระวัง แต่เค้าก็ปรับปรุงพื้นที่ด้วยการใช้ศิลปะ วาดภาพบนกำแพง แต่ฝั่งนี้เงียบและไม่ค่อยมีคน ก็เลยรีบเดิน ไปจนถึงถ้ำมืดๆ ไม่รู้ว่าเข้าไปได้มั้ย แต่จากความเก่าของสถานที่แล้ว ควรจะรีบเดินให้ถึงศาลเจ้าก่อนค่ำ เราจะไปพบกับร้านอาหารทะเล ที่อยู่ตรงท่าเรือ Sok Kwu Wan พอดี และมีห้องน้ำสาธารณะตรงท่าเรือให้เราพร้อมเข้า ก่อนเดินทางกลับสู่เกาะฮ่องกง
คาดว่าที่นี่เหมาะกับคนรักสุขภาพ เพราะนอกจากจะมีทางเดินสำรวจธรรมชาติให้เดินออกกำลังกาย มีร้านออแกร์นิก มีร้านอาหารมังสวิรัติแล้ว เราได้แอบอ่านป้ายบนบอร์ดประกาศ เพื่อคาดการณ์ว่าคนที่นี่จะสนใจอะไรบ้าง ที่นี่มีที่เรียนโยคะ มีกิจกรรมรีไซเคิล และกิจกรรมสำหรับเด็กๆ เช่น Fairy Kiddo Flag Day ที่ให้เด็กๆ ใส่ชุดแฟนซีมาร่วมงาน หรือ ป้ายโฆษณากิจกรรมฉลองครบรอบวันเกิดของ Beatrix Potter นักเขียนวรรณกรรมเยาวชน และนักวาดภาพประกอบเรื่อง Peter Rabbit ก็ยังมาแปะอยู่บนบอร์ดประกาศที่เกาะแห่งนี้
จากการสำรวจเกาะในครั้งนี้ คาดว่าคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่จะเป็นชาวต่างชาติ ที่มาทำงานในเกาะฮ่องกง และมีเด็กๆ เต็มไปหมด ในตอนเย็น หรือเกาะมันเล็ก เราจึงพบเด็กๆ เยอะแยะที่นั่นในช่วงเย็นๆ หลังเลิกเรียน ก็อาจจะเป็นไปได้นะ ลองไปสำรวจดู !